ออฟฟิศซินโดรม

ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร? อธิบายอาการ สาเหตุ และผลกระทบ

ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ไม่ใช่แค่การปวดเมื่อยเล็กน้อย แต่เป็นกลุ่มอาการทางระบบกล้ามเนื้อที่เกิดจากพฤติกรรมการทำงานที่ซ้ำซาก นั่งอยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวด ความตึงตัว และความผิดปกติของร่างกายที่สะสมจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง

ปัจจุบันคนทำงานออฟฟิศในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ พบกับออฟฟิศซินโดรมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ทำงานจากบ้าน (Work from Home) ที่มักไม่มีโต๊ะเก้าอี้ที่เหมาะสม หรือไม่แบ่งเวลาเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเพียงพอ

ในบทความนี้ Bettermove Clinic จะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร มีอาการแบบไหนบ้าง ส่งผลต่อชีวิตอย่างไร และควรจะรักษาอย่างไรให้ตรงจุดและปลอดภัย

หัวข้อ

ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร?

คำว่า “Office Syndrome” ไม่ใช่ชื่อโรคทางการแพทย์ แต่เป็นคำเรียกกลุ่มอาการ (Syndrome) ที่เกิดจากพฤติกรรมการทำงานที่ซ้ำซาก โดยเฉพาะการทำงานในออฟฟิศ ที่มีลักษณะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานหลายชั่วโมงในแต่ละวัน โดยไม่ได้ลุกเปลี่ยนท่าทางหรือขยับร่างกายอย่างเหมาะสม

ร่างกายของเราถูกออกแบบมาให้เคลื่อนไหว ไม่ใช่นั่งนิ่งๆ ตลอดวัน การที่กล้ามเนื้อบางส่วนถูกใช้งานมากเกินไป (เช่น กล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่) ขณะที่กล้ามเนื้อบางส่วนถูกละเลย (เช่น กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว) ก่อให้เกิดความไม่สมดุลของร่างกาย และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมา

เมื่อเวลาผ่านไป อาการเล็กน้อยเหล่านี้อาจลุกลามเป็นปัญหาเรื้อรัง เช่น เส้นประสาทถูกกดทับ กล้ามเนื้ออักเสบ หรือแม้กระทั่งหมอนรองกระดูกเสื่อม

ออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร

ลักษณะอาการของออฟฟิศซินโดรม

อาการของออฟฟิศซินโดรมมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของแต่ละบุคคล โดยกลุ่มอาการหลักที่พบบ่อยได้แก่

ปวดกล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ และหลัง

ผู้ที่มีออฟฟิศซินโดรมมักมีอาการปวดตึงบริเวณคอ บ่า และไหล่ สาเหตุหลักมาจากการนั่งทำงานนาน ๆ โดยไม่มีการขยับร่างกาย การยกไหล่ตลอดเวลา หรือการก้มคอนาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งและมีพังผืดสะสม (Trigger Point)

นอกจากนี้ ยังพบอาการปวดหลังช่วงล่าง (Lower back pain) ในคนที่นั่งหลังงอหรือไม่มีการรองรับส่วนเอวที่ดีจากเก้าอี้ทำงาน

ปวดศีรษะและไมเกรน

อาการปวดศีรษะจากออฟฟิศซินโดรมมักเกิดจากกล้ามเนื้อคอและบ่าที่เกร็งสะสม ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวเรื้อรัง ปวดหัวท้ายทอย หรือปวดคล้ายไมเกรนในบางราย โดยเฉพาะในช่วงท้ายวันทำงาน

อาการชาและเจ็บข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome)

การใช้คีย์บอร์ดหรือเมาส์ในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ หรือ โรคพังผืดกดทับเส้นประสาท (CTS) ผู้ป่วยจะมีอาการชาที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ร่วมกับความรู้สึกปวดร้าวลงแขน

ปวดตาและอาการทางสายตา

การใช้สายตาจ้องหน้าจอเป็นเวลานานโดยไม่พักสายตา จะทำให้เกิดอาการตาแห้ง ปวดตา มองเห็นภาพซ้อน หรือมัวชั่วคราว รวมถึงอาจส่งผลต่อการนอนหลับ ทำให้พักผ่อนได้ไม่เต็มที่

อ่อนล้า เหนื่อยง่าย

เมื่อร่างกายสะสมความตึงเครียดจากกล้ามเนื้อ สมองก็จะรู้สึกเหนื่อยล้าได้ง่ายขึ้น มีผลให้ความสามารถในการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ลดลง

สาเหตุหลักของออฟฟิศซินโดรม

สาเหตุของออฟฟิศซินโดรมไม่ได้ซับซ้อน แต่มักเกิดจากพฤติกรรมที่ละเลยการดูแลร่างกายอย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

ท่านั่งที่ไม่เหมาะสม

การนั่งหลังงอ ก้มคอ ใช้เก้าอี้ที่ไม่รองรับหลังช่วงล่าง หรือวางแขนไว้บนโต๊ะผิดระดับ ล้วนแล้วแต่เพิ่มภาระให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ

ขาดการเคลื่อนไหวระหว่างวัน

การนั่งต่อเนื่องมากกว่า 60 นาที โดยไม่มีการลุกเปลี่ยนอิริยาบถ จะทำให้กล้ามเนื้อบางส่วนเกิดการทำงานหนักเกินไป และบางส่วนหยุดทำงานจนเกิดการเสียสมดุล

การจัดวางโต๊ะทำงานไม่ถูกหลัก Ergonomic

จอคอมพิวเตอร์ที่สูงหรือต่ำเกินไป เก้าอี้ไม่มีพนักรองแขน หรือคีย์บอร์ดวางสูงเกินไป ล้วนส่งผลต่อท่าทางในการทำงาน

ความเครียดสะสม

ความเครียดทางจิตใจสามารถส่งผลโดยตรงต่อร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อเกร็งแน่น ไม่ยอมคลายตัวในระหว่างวัน เป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นให้อาการ Office Syndrome แสดงออกชัดเจนขึ้น

การพักผ่อนไม่เพียงพอ

ร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างมีคุณภาพ จะไม่สามารถฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้เต็มที่ ทำให้อาการปวดสะสมได้ง่ายขึ้น

ผลกระทบระยะยาวของออฟฟิศซินโดรม
ผลกระทบระยะยาวของออฟฟิศซินโดรม

ผลกระทบระยะยาวของออฟฟิศซินโดรม

หลายคนมองว่าอาการปวดกล้ามเนื้อเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในความจริงแล้ว หากไม่รักษา ออฟฟิศซินโดรมสามารถส่งผลกระทบได้มากกว่าที่คิด

ลดประสิทธิภาพในการทำงาน

เมื่อมีอาการปวดหรือชาเรื้อรัง ร่างกายจะเสียสมดุล การทำงานจะช้าลง สมาธิลดลง และความสามารถในการคิดตัดสินใจลดลงด้วย

เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก

อาการ Office Syndrome ที่ไม่ได้รับการดูแล อาจพัฒนาเป็นโรคที่ซับซ้อนขึ้น เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน, กระดูกเสื่อม, เอ็นอักเสบเรื้อรัง

ส่งผลต่อสุขภาพจิต

อาการปวดเรื้อรังมีความสัมพันธ์กับโรคซึมเศร้า วิตกกังวล และภาวะเหนื่อยล้าทางอารมณ์ในระยะยาว

รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

ไม่สามารถทำกิจกรรมปกติ เช่น ขับรถ เดินทาง ออกกำลังกาย หรือนอนหลับอย่างสบายได้ อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวและคุณภาพชีวิตโดยรวม

ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร

แนวทางการรักษาออฟฟิศซินโดรมอย่างตรงจุดที่ Bettermove Clinic

ที่ Bettermove Clinic เราเน้นการรักษาออฟฟิศซินโดรมอย่างเป็นระบบ โดยทีมกายภาพบำบัดมืออาชีพ ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์และออกแบบโปรแกรมฟื้นฟูเฉพาะบุคคลด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและปลอดภัย เช่น

การรักษาด้วยกายภาพบำบัด (Physical Therapy)

นักกายภาพจะตรวจประเมินท่าทาง จุดตึงกล้ามเนื้อ และพฤติกรรมการทำงาน พร้อมออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลที่เน้นการยืดเหยียด ปรับโครงสร้าง และเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่สำคัญ

การใช้เครื่องมือช่วยฟื้นฟู

  • Focused Shockwave Therapy ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดพังผืด และเร่งการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อ
  • Dry Needling เทคนิคการฝังเข็มแบบตะวันตกที่เจาะจงจุด Trigger Point เพื่อลดอาการตึงลึก
  • Ultrasound Therapy กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ลดการอักเสบเรื้อรัง

การฝึกท่าทางที่ถูกต้อง

เราให้คำแนะนำท่าทางที่ถูกต้องในการทำงาน ปรับโต๊ะ เก้าอี้ และจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะกับหลักการยศาสตร์ (Ergonomics) เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

โปรแกรมออกกำลังกายเฉพาะบุคคล

โปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะสำหรับคุณ โดยจะเน้นการสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core Stability) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการลดอาการปวด

วิธีป้องกันออฟฟิศซินโดรมที่คุณทำได้ทันที

  • ลุกเปลี่ยนท่าทุก 30-60 นาที
  • ยืดกล้ามเนื้อคอ ไหล่ หลังระหว่างวัน
  • พักสายตาจากหน้าจอทุก 20 นาที
  • ปรับโต๊ะทำงานให้เหมาะสมกับสรีระ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป
  • หลีกเลี่ยงความเครียด และนอนหลับให้เพียงพอ

แนะนำการยืดกล้ามเนื้อในที่ทำงาน: ท่ายืดง่าย ๆ ที่ช่วยลดอาการตึงระหว่างวัน

สรุป: ออฟฟิศซินโดรมไม่ใช่เรื่องเล็ก

ออฟฟิศซินโดรมอาจดูเหมือนไม่ร้ายแรงในช่วงแรก แต่หากปล่อยไว้นานอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพเรื้อรังที่ยากต่อการฟื้นฟู การเข้าใจสาเหตุและเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่ต้น จะช่วยให้ร่างกายของคุณกลับมาแข็งแรง ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง

หากคุณเริ่มรู้สึกปวดตึง หรือมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น อย่ารอให้อาการรุนแรง รีบนัดหมายเพื่อเข้ารับการประเมินจากนักกายภาพผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลย

📍 นัดหมายออนไลน์หรือดูเส้นทางมาคลินิก: คลิกที่นี่

FAQs คำถามที่พบบ่อย

ออฟฟิศซินโดรมหายได้จริงหรือไม่?

หายได้แน่นอน หากรักษาอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะการทำกายภาพบำบัดร่วมกับการปรับพฤติกรรม

ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะดีขึ้น?

ส่วนใหญ่เห็นผลภายใน 3-5 ครั้งของการบำบัด แต่ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ

ทำกายภาพบำบัดเจ็บไหม?

ไม่เจ็บ การบำบัดที่ Bettermove Clinic ใช้เทคนิคที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับอาการเฉพาะบุคคล

กายภาพบำบัด ย่านสาทร ย่านสีลม ติดต่อเรา

เบทเทอร์มูฟคลินิก คลินิกกายภาพบำบัดใจกลางสาทรและสีลม

อ่านเพิ่มเติม

Leave a Reply

Discover more from คลินิกกายภาพบำบัดใกล้ฉัน Bettermove Clinic

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading

Schedule Appointment

Fill out the form below, and we will be in touch shortly.

Contact Information
Services
Preferred Date and Time Selection