อาการปวดหลังเรื้อรัง เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือยืนทำงานเป็นเวลานาน รวมถึงผู้ที่ยกของหนัก ทำงานใช้แรง หรือมีพฤติกรรมที่ส่งผลต่อท่าทางของร่างกายโดยตรง หลายคนอาจมองว่าอาการปวดหลังเป็นเรื่องเล็กน้อยที่หายเองได้ แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจพัฒนาเป็นอาการเรื้อรังที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้ในระยะยาว
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของอาการปวดหลังเรื้อรัง พร้อมแนวทางการรักษาและป้องกันที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คุณมีสุขภาพหลังที่ดี แข็งแรง และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ

สาเหตุของอาการปวดหลังเรื้อรัง
อาการปวดหลังที่ต่อเนื่องมากกว่า 3 เดือนถือว่าเป็นอาการเรื้อรัง ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างร่างกาย การใช้งานกล้ามเนื้อ หรือพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โดยสาเหตุหลักที่พบได้บ่อย ได้แก่:
- กล้ามเนื้อหลังตึงหรืออักเสบ
เป็นภาวะที่เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไป เช่น ยกของหนัก นั่งทำงานนานโดยไม่ขยับเปลี่ยนอิริยาบถ หรือการออกกำลังกายแบบหักโหมโดยไม่วอร์มร่างกายก่อน ซึ่งจะทำให้เกิดอาการตึง อักเสบ และนำไปสู่ความปวดอย่างต่อเนื่อง - หมอนรองกระดูกเสื่อมตามอายุ
เมื่ออายุมากขึ้น หมอนรองกระดูกสันหลังจะเริ่มเสื่อมประสิทธิภาพในการรองรับแรงกระแทก ทำให้เกิดความรู้สึกปวดลึกบริเวณหลัง และอาจร้าวลงขาหรือสะโพกในบางกรณี - หมอนรองกระดูกเคลื่อน (Herniated Disc)
เกิดจากหมอนรองกระดูกเคลื่อนออกจากตำแหน่งและกดทับเส้นประสาท อาการนี้มักพบในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือทำงานที่มีการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ เช่น ก้มเงยบ่อย ๆ ทำให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดร้าวลงขา หรือชาตามแนวเส้นประสาท - ภาวะโพรงกระดูกสันหลังแคบ (Spinal Stenosis)
เป็นอาการที่เกิดจากช่องว่างของกระดูกสันหลังแคบลง จนทำให้เส้นประสาทถูกกดทับ อาการจะเด่นชัดเมื่อยืนนานหรือเดินไกล ๆ แล้วรู้สึกปวดหรืออ่อนแรงที่ขา - กระดูกสันหลังคดหรือผิดรูป (Scoliosis)
ผู้ที่มีกระดูกสันหลังโค้งผิดปกติอาจมีอาการปวดหลังเรื้อรัง โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาในช่วงวัยรุ่น
แนวทางการรักษาอาการปวดหลังแบบเรื้อรัง
การรักษาอาการปวดหลังแบบเรื้อรังไม่ควรใช้เพียงแค่ยาบรรเทาปวดเพียงอย่างเดียว ควรได้รับการประเมินจากนักกายภาพบำบัดหรือแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง จากนั้นจึงเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เช่น:
- กายภาพบำบัด (Physical Therapy)
การทำกายภาพบำบัดช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลัง ปรับแนวกระดูกให้เหมาะสม และลดแรงกดทับเส้นประสาท เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริงโดยไม่ต้องผ่าตัด
👉 อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการกายภาพบำบัดของเราได้ที่
https://bettermoveclinic.com/services/physical-therapy/
- การนวดและกดจุด
ช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงและลดความเครียดที่สะสมในร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดหลังจาก Office Syndrome - การปรับท่าทางและพฤติกรรม
เช่น การนั่งทำงานหลังตรง การยกของให้ถูกวิธี และการจัดโต๊ะทำงานให้พอดีกับระดับสายตา ช่วยลดภาระของกระดูกสันหลังได้มาก - การใช้ยาแก้ปวดอย่างเหมาะสม
ในบางกรณีอาจต้องใช้ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDs หรือยาคลายกล้ามเนื้อ แต่ควรอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เพื่อป้องกันผลข้างเคียง - การประคบร้อนหรือเย็น
สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ในระยะสั้น โดยใช้ความร้อนคลายกล้ามเนื้อ หรือใช้ความเย็นลดอาการอักเสบและบวม - การฝังเข็ม (Acupuncture)
เป็นการแพทย์ทางเลือกที่สามารถช่วยลดอาการปวดได้โดยกระตุ้นจุดพลังงานในร่างกาย และมีผลวิจัยรองรับว่าช่วยได้จริงในหลายกรณี - การปรับสมดุลอารมณ์และจิตใจ
ความเครียดส่งผลโดยตรงต่ออาการปวดหลัง การฝึกสมาธิ โยคะ หรือการหายใจลึก ๆ สามารถช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและลดความรู้สึกเจ็บปวดได้ - การควบคุมอาหารเพื่อลดการอักเสบ
การกินอาหารที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 ผักผลไม้ และลดอาหารแปรรูป จะช่วยลดการอักเสบภายในร่างกาย - การปรับแนวกระดูกโดยผู้เชี่ยวชาญ
เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระดูกสันหลังผิดแนวจากอุบัติเหตุหรือท่าทางไม่ถูกต้อง - การผ่าตัด (ในกรณีจำเป็น)
เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างรุนแรง เช่น กระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาทอย่างถาวร ซึ่งรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล
วิธีป้องกันอาการปวดหลังแบบเรื้อรัง
- ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะการเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลาง ช่วยพยุงกระดูกสันหลังให้มั่นคง
- ปรับพฤติกรรมการนั่งและยืนให้ถูกต้อง เช่น ไม่นั่งไขว่ห้างหรือหลังค่อม
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลดภาระที่กดลงกระดูกสันหลัง
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และเลือกที่นอนที่รองรับกระดูกสันหลังได้ดี
- หลีกเลี่ยงความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดแบบเรื้อรัง
Bettermove Clinic พร้อมดูแลคุณ
หากคุณกำลังเผชิญกับอาการปวดหลังเรื้อรังที่ไม่หายเสียที Bettermove Clinic พร้อมช่วยเหลือด้วยโปรแกรมฟื้นฟูเฉพาะบุคคลโดยทีมกายภาพบำบัดมืออาชีพ และเทคโนโลยีทันสมัย เช่น Focused Shockwave Therapy, Ultrasound Therapy และ Dry Needling ที่ช่วยบรรเทาอาการอย่างตรงจุด
📌 อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของเราได้ที่:
- กายภาพบำบัด: https://bettermoveclinic.com/services/physical-therapy/
- Focused Shockwave: https://bettermoveclinic.com/services/focused-shockwave/
- Dry Needling: https://bettermoveclinic.com/services/dry-needling/
📞 สนใจปรึกษาอาการหรือจองคิว
ติดต่อเรา: https://bettermoveclinic.com/how-to-get-there/#contact




One Response