อาการ ปวดหลังเรื้อรัง กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในคนทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์หรือทำงานท่าซ้ำๆ เป็นเวลานาน แต่รู้หรือไม่ว่า…หลายครั้งอาการปวดเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากโรคหรือการบาดเจ็บรุนแรง แต่เป็นเพราะ “พฤติกรรมเล็กๆ ที่ทำทุกวันโดยไม่รู้ตัว”
Table of Contents

ทำไมเราถึงควรรู้จักพฤติกรรมที่ทำให้ปวดหลัง?
การรู้เท่าทันพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถปรับพฤติกรรม ป้องกันอาการปวดหลัง และหลีกเลี่ยงการพัฒนาไปสู่ อาการปวดหลังเรื้อรัง ซึ่งอาจต้องใช้เวลารักษานาน หรือจำเป็นต้องเข้ารับ การทำกายภาพบำบัด อย่างต่อเนื่อง
10 พฤติกรรมที่ทำให้ปวดหลังเรื้อรังแบบไม่รู้ตัว
1. นั่งทำงานหลังงอ หรือนั่งนานเกินไป
การนั่งทำงานโดยที่ไม่ปรับท่าทางให้เหมาะสม ทำให้กล้ามเนื้อหลังรับภาระเกินจำเป็น โดยเฉพาะคนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนท่าทุก 30-45 นาที และเลือกเก้าอี้ที่รองรับหลังส่วนล่างได้ดี
2. ใช้หมอนสูงหรือต่ำเกินไปเวลานอน
ท่านอนและหมอนที่ใช้มีผลโดยตรงต่อกระดูกสันหลัง หากหมอนสูงเกินไปจะทำให้คออยู่ในท่าผิดธรรมชาติ สะสมกลายเป็นอาการปวดคอและหลังเรื้อรัง
3. ยกของหนักผิดท่า
การยกของโดยใช้หลังแทนที่จะใช้กำลังจากขา ทำให้หลังรับแรงโดยตรง ส่งผลให้บาดเจ็บหรือปวดหลังได้ง่าย
4. ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ
รองเท้าส้นสูงทำให้แนวกระดูกสันหลังผิดจากธรรมชาติ ซึ่งอาจทำให้ปวดหลังช่วงล่าง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงทุกวัน
5. ออกกำลังกายผิดวิธี
การเล่นเวทยกน้ำหนักหรือทำท่าโยคะผิดวิธี อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือกระตุ้นจุดปวดเดิมให้รุนแรงขึ้นได้
6. ขับรถเป็นเวลานานโดยไม่พัก
การขับรถนานๆ โดยไม่ขยับหรือเปลี่ยนท่า ส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังและสะโพกตึง เกิดการอักเสบและปวดได้ในระยะยาว
7. ความเครียดสะสม
ความเครียดมีผลทำให้กล้ามเนื้อเกร็งโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่า และหลัง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการปวดเรื้อรัง
8. ใช้มือถือหรือโน้ตบุ๊กในท่าก้มคอตลอดเวลา
การก้มคอเป็นเวลานานทำให้กล้ามเนื้อคอและหลังช่วงบนทำงานหนัก จนเกิดอาการปวดสะสม
9. ไม่ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวน้อยเกินไป
ร่างกายที่ไม่เคลื่อนไหวเป็นประจำจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core Muscle) ซึ่งช่วยพยุงกระดูกสันหลัง
10. น้ำหนักเกินมาตรฐาน
น้ำหนักที่มากเกินไปส่งผลให้หลังต้องรับแรงมากกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงเอวและหลังล่าง ซึ่งเป็นบริเวณที่มักปวดเรื้อรังได้ง่าย
ปวดหลังเรื้อรังควรเริ่มต้นรักษาอย่างไร?
หากคุณมีอาการ ปวดหลังเรื้อรัง ที่ไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัด การรักษาโดยใช้เครื่องมือสมัยใหม่ เช่น
- คลื่นกระแทก (Focused Shockwave Therapy)
- อัลตร้าซาวด์บำบัด
- Dry Needling (ฝังเข็มตะวันตก)
- การจัดกระดูกโดยนักกายภาพบำบัด (Manual Therapy)
เป็นวิธีที่ช่วยลดอาการปวดได้อย่างตรงจุด และยังช่วยปรับสมดุลกล้ามเนื้อให้กลับมาทำงานอย่างเหมาะสม
กายภาพบำบัดที่ Bettermove Clinic ช่วยคุณได้อย่างไร?
ที่ Bettermove Clinic เราเชี่ยวชาญด้านการรักษาอาการปวดหลังเรื้อรัง ด้วยทีมกายภาพบำบัดมืออาชีพ พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัย
✅ จุดเด่นของเรา:
- วิเคราะห์อาการแบบรายบุคคล
- ใช้เทคโนโลยีกายภาพขั้นสูง
- ปรับพฤติกรรมและให้คำแนะนำการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง
- มีรีวิวจากคนไข้จริงและได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยจำนวนมาก
📍 สนใจปรึกษาอาการปวดหลังเรื้อรัง ติดต่อเราได้ที่
👉 https://bettermoveclinic.com/how-to-get-there/#contact
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: ปวดหลังเรื้อรังต้องพักนานไหม?
A: ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ หากเกิดจากกล้ามเนื้อหรือพฤติกรรมทั่วไป การทำกายภาพบำบัดจะช่วยให้อาการดีขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์
Q2: ปวดหลังสามารถรักษาให้หายขาดได้ไหม?
A: หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธีร่วมกับการปรับพฤติกรรม อาการสามารถหายขาดได้
Q3: ทำกายภาพบำบัดบ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
A: โดยทั่วไปแนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง แต่จะขึ้นอยู่กับอาการเฉพาะบุคคลด้วย
สรุป: ปรับพฤติกรรมวันนี้ ลดความเสี่ยงปวดหลังเรื้อรังในอนาคต
อาการปวดหลังเรื้อรังไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่ค่อยๆ สะสมจากพฤติกรรมที่เราทำทุกวันโดยไม่รู้ตัว การเริ่มต้นเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ จะช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยเรื้อรังในระยะยาว และหากอาการยังไม่ดีขึ้น การเข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดที่ Bettermove Clinic คือทางเลือกที่ปลอดภัยและเห็นผลจริง
กายภาพบำบัด ย่านสาทร ย่านสีลม ติดต่อเรา
เบทเทอร์มูฟคลินิก คลินิกกายภาพบำบัดใจกลางสาทรและสีลม
- TEL: 0981671709
- LINE: https://lin.ee/A1kgZ0f
- Address: ชั้น17 อาคารสาทรธานี 2 N Sathon Rd, Silom, Bang Rak, Bangkok 10500



