เวทแล้วเจ็บ – เป็นเรื่องปกติหรือสัญญาณอันตราย?
สำหรับสายฟิตเนส นักเพาะกาย หรือคนที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) อาการ “เวทแล้วเจ็บ” ถือเป็นสิ่งที่หลายคนพบเจอ โดยเฉพาะหลังเปลี่ยนโปรแกรมฝึก หรือเริ่มต้นออกกำลังกายใหม่ๆ
แต่คำถามคือ…
อาการเจ็บนั้นปกติหรือไม่?
เจ็บแบบไหนควรพัก? เจ็บแบบไหนควรพบแพทย์หรือทำกายภาพบำบัด?
บทความนี้จะช่วยให้คุณแยกแยะความต่างระหว่าง “การปวดกล้ามเนื้อที่ปลอดภัย” กับ “อาการบาดเจ็บจริง” พร้อมแนะนำวิธีดูแล ฟื้นฟู และคืนสมรรถภาพให้พร้อมกลับไปฝึกเวทอย่างมั่นใจ
หัวข้อ
เวทแล้วมีอาการเจ็บ: เจ็บเพราะพัฒนา หรือเจ็บเพราะพัง?
อาการเจ็บที่ปกติ (DOMS – Delayed Onset Muscle Soreness)
เป็นอาการที่พบได้บ่อยหลังออกกำลังกายหนักกว่าปกติ หรือเล่นกล้ามเนื้อในรูปแบบที่ไม่คุ้นเคย เช่น:
- เจ็บตึงกล้ามเนื้อ 24–72 ชั่วโมงหลังฝึก
- ปวดเวลาขยับ แต่ไม่ถึงกับขัดขวางการเคลื่อนไหว
- ไม่มีอาการบวม ฟกช้ำ หรือชา
สาเหตุหลัก: กล้ามเนื้อเกิด micro-tears เล็กน้อยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างกล้าม (Hypertrophy) โดยร่างกายจะฟื้นฟูและแข็งแรงขึ้น
อาการเจ็บที่ไม่ปกติ – บ่งชี้ว่ามีการบาดเจ็บ
หากอาการ “เวทแล้วปวด” มีลักษณะดังต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณของการบาดเจ็บ:
- ปวดเฉียบพลันขณะเล่น
- เจ็บลึก ร้าว หรือชาไปยังบริเวณอื่น
- บวม แดง ฟกช้ำ หรือขยับแล้วรู้สึกสะดุด
- เจ็บต่อเนื่องเกิน 4–5 วัน โดยไม่มีแนวโน้มดีขึ้น
กรณีนี้ควรรีบพบผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักกายภาพบำบัด เพื่อประเมินว่าเกิดการฉีกขาด หรือเส้นประสาทได้รับผลกระทบหรือไม่
สาเหตุที่ทำให้เวทแล้วมีอาการเจ็บบ่อย
- ฝึกหนักเกินไปโดยไม่วอร์มอัพหรือคูลดาวน์
- ฝึกท่าเดิมซ้ำมากเกินไป (Overuse Injury)
- ไม่มีวันพักหรือฝึกแบบ Split ที่ไม่สมดุล
- การฝึกที่เทคนิคล้มเหลว เช่น ท่าฝึกไม่ถูกต้อง ทำให้ข้อต่อรับภาระแทนกล้ามเนื้อ
- กล้ามเนื้อไม่สมดุล เช่น กล้ามเนื้อหน้าแข็งแรงกว่าหลัง
แนวทางฟื้นฟูเมื่อเวทแล้วเจ็บ
1. ประเมินอาการให้ชัดเจน
หากไม่แน่ใจว่าอาการเจ็บเป็นแบบ DOMS หรือการบาดเจ็บจริง ควรเข้ารับการประเมินจากนักกายภาพบำบัด
ที่ Bettermove Clinic เราใช้เทคนิคการตรวจละเอียด เช่น
- ตรวจช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อ
- คลำกล้ามเนื้อเพื่อเช็กจุดตึงและอักเสบ
- วิเคราะห์ท่าฝึกที่เป็นต้นเหตุ
- ตรวจการทำงานของเส้นประสาท (ในกรณีเจ็บร้าว ชา)
2. ใช้การบำบัดที่เหมาะกับอาการ
Manual Therapy
นวดคลายกล้ามเนื้อที่ตึง และจุด Trigger Point ที่ทำให้เจ็บลึก เช่น กล้ามเนื้อหลังล่าง (Erector Spinae), ขา (Hamstring, Quadriceps)
Dry Needling
เหมาะกับกล้ามเนื้อที่มีพังผืด หรือเป็นจุดที่ยืดไม่ถึง ช่วยฟื้นฟูการไหลเวียนเลือด และคลายกล้ามเนื้อเรื้อรัง
Shockwave Therapy
เหมาะกับอาการเจ็บจากกล้ามเนื้อเกร็งเรื้อรัง หรือบาดเจ็บจาก Overuse เช่น ข้อศอกอักเสบ เข่าอักเสบ
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการนี้ได้ที่
Focused Shockwave Therapy
Ultrasound Therapy
ใช้คลื่นเสียงลดอักเสบลึก เหมาะกับอาการเจ็บเรื้อรังหรือบริเวณที่ไม่สามารถนวดได้โดยตรง
3. ออกกำลังกายฟื้นฟูแบบถูกหลัก
หลังอาการเจ็บทุเลา ควรกลับมาออกกำลังกายด้วยน้ำหนักเบาก่อน เพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น
- ท่า Isometric (เกร็งกล้ามเนื้อโดยไม่เคลื่อนไหว)
- ท่าที่ช่วยคืนสมดุลกล้ามเนื้อ เช่น Bird Dog, Glute Bridge, Wall Slide
- ท่ายืดแบบ Static Stretching
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เจ็บกล้ามเนื้อหลังเล่นเวท ควรพักหรือฝึกต่อ?
หากเป็น DOMS (ปวดเมื่อยธรรมดา) สามารถฝึกต่อในกล้ามเนื้อส่วนอื่นได้ หรือทำ Active Recovery เช่น เดินเบาๆ
แต่ถ้าเป็นอาการเจ็บลึก เคลื่อนไหวยาก ควรพักและประเมินก่อนฝึกต่อ
เวทแล้วปวดบ่อยเพราะอะไร?
อาจเกิดจากการฝึกหนักเกิน, พักไม่เพียงพอ, ท่าฝึกไม่ถูก หรือกล้ามเนื้อไม่สมดุล การตรวจโดยนักกายภาพจะช่วยหาสาเหตุที่แท้จริงได้
DOMS หายช้าควรทำอย่างไร?
หาก DOMS ไม่หายภายใน 3–5 วัน หรือปวดลึกมากผิดปกติ ควรใช้การฟื้นฟูร่วม เช่น นวดคลาย, Shockwave หรือ Ultrasound Therapy
สรุป: เวทแล้วมีอาการเจ็บ ฟื้นฟูให้ถูกต้องจะฝึกต่อได้ปลอดภัย
อาการ “เวทแล้วเจ็บ” อาจเป็นสัญญาณของพัฒนาการ หรืออาจเป็นการบาดเจ็บซ่อนเร้น ถ้าคุณเจ็บซ้ำที่เดิม เจ็บนาน หรือฝึกไม่ได้ต่อเนื่อง การฟื้นฟูร่างกายคือคำตอบที่ปลอดภัยและได้ผลที่สุด
Bettermove Clinic มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดนักกีฬา พร้อมประเมินและดูแลคุณแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้คุณกลับไปฝึกเวทอย่างมั่นใจ ปราศจากอาการเจ็บรบกวน
กายภาพบำบัด ย่านสาทร ย่านสีลม ติดต่อเรา
เบทเทอร์มูฟคลินิก คลินิกกายภาพบำบัดใจกลางสาทรและสีลม
